7 ข้อควรรู้ก่อนจัดฟัน สำหรับคนจัดฟันควรอ่าน

2551

7 ข้อควรรู้สำหรับคนจัดฟัน ควรอ่าน

1.ข้อควรรู้ก่อนที่จะเริ่มจัดฟัน

รู้ก่อนที่จะเริ่มจัดฟัน

ปัจจุบันการจัดฟันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอีกต่อไป เพราะปัจจุบันการจัดฟันเป็นเรื่องที่นิยมกันมากในหมู่วัยรุ่น  หากย้อนไปในอดีตการจัดฟันเป็นเรื่องที่น่าอายมาก คนที่จัดฟันส่วนมากเป็นกลุ่มของคนที่มีความต้องการจัดจริงๆเท่านั้น แต่อย่างที่เห็นในตอนนี้มีกันเยอะไปหมดไม่ว่าจะเป็นการจัดตามแฟชั่น การจัดฟัน เพื่อความสวยงาม และมีหมอเก่งๆที่รอให้คุณดัดฟัน จัดฟันของคุณให้สวยงาม น่าดูกว่าแต่ก่อน แต่ก็ต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่ราคาไม่เบาเช่นกัน

ค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน

ขึ้นอยู่กับเครื่องมือแต่ละชนิดอาจมีความสามารถในการเคลื่อนฟันต่างกัน หรือสร้างจากวัสดุที่ต่างกัน และในบางครั้งผู้ป่วยคนหนึ่งอาจต้องใช้เครื่องมือมากชนิดกว่าผู้ป่วยอีกคนหนึ่ง เช่น จำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ใส่ภายนอกปากเพิ่มเติมด้วย ก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงมากขึ้น

และในเรื่องการใช้บริการในแต่ละสถานที่หากเป็นสถานที่ในราชการก็ประมาณ 25,000 บาท หรือเครื่องมือที่สามารถถอดได้ประมาร 15,000 บาท แต่หากท่านใช้บริการตามคลินิกก็จะอยู่ในราคา 35,000-40,000บาทหรืออาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วยเดียวกันการถอนฟันอุดฟัน เอ็กซเรย์ แต่หากเป็นในส่วนพื้นที่ราชการท่านต้องยินยอมให้นิสิตที่มาฝึกงานมาปฏิบัติร่วมด้วย

เห็นราคาแล้วใครที่คิดจะดัดฟันหรือจัดฟันแฟชันตามยุคสมัยแนะนำให้คุยกับผู้ปกครอง ถ้าหากผู้ปกครองยินดีจ่ายให้หรือยินยอมก็ดี แต่หากเห็นว่ายังไม่สมควรแนะนำให้รอไปก่อนหรือเก็บเงินไว้ก่อนให้ครบกับที่ราคาที่ตั้งไว้ ไว้ครบเมื่อไรค่อยทำดีกว่าครับ

2.ข้อเสียของการจัดฟัน

เดี๋ยวนี้ฟันไม่สวยเราก็สามารถทำให้สวยได้ ด้วยการจัดฟัน ซึ่งตอนนี้ใครๆก็นิยมจัดฟันกันมาก เพราะทำให้เราสวยเมื่อเรายิ้มดูน่ารักอีกแบบหนึ่ง สาวๆส่วนมากจึงนิยมจัดฟันกันมากและรวมไปถึงในกลุ่มวัยรุ่นเพสชายด้วย คุณรู้หรือไม่ว่านอกเสียจากการจัดฟันทำให้ฟันเราสวยแล้วยังมีข้อเสียอีกอยางที่เราไม่รู้ คิดแต่ว่าความสวยอย่างเดียว ผลเสียมีอย่างไรบ้างเราไปอ่านกันเลย

  1. เมื่อเราจัดฟันแล้วทำให้มีเชื้อจุลินทรีย์เพิ่มมากขึ้น เพราะมีเครื่องมือในการจัด เช่นเหล็กดัด จึงทำให้เรายากต่อทำความสะอาด และอาจมีเศษอาหารจากที่เราทานหลงเหลืออยู่บ้างก็ได้
  2. มีการสูญเสียแร่ธาตุของเคลือบฟัน และฟันผุ การมีเครื่องมือจัดฟันในปากมักทำให้คราบจุลินทรีย์เพิ่มขึ้น เชื้อแบคทีเรียก็มากขึ้น pH ในปากก็ลดลง เกิดการสูญเสียแร่ธาตุจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟันเราผุได้ง่าย
  3. การสูญเสียอวัยวะปริทันต์ (เหงือก เอ็นยึดปริทันต์ กระดูกเบ้ารากฟัน) เนื่องด้วยเครื่องมือจัดฟันนั้นทำให้การดูแลอนามัยช่องปากลำบากขึ้น หากคุมอนามัยช่องปากไม่ได้ก็จะเกิดภาวะปริทันต์อักเสบขึ้นจนสูญเสียของอวัยวะปริทันต์บางส่วนไป

อย่างไรก็ดีการจัดฟันให้สวยใส่ว่าจะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว ก่อนจัดฟันเราควรตริตรองให้ดี และขอคำปรึกษาทันต์แพทย์การจัดนะครับและควรปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาในภายหลัง หากยังไม่แน่ใจลองปรึกษาคนที่เคยทำมาก่อนหรือผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อนจะดีกว่านะครับ

3.อายุเยอะสามารถจัดฟันได้หรือไม่

หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการจัดฟันน่าจะเหมาะสำหรับเด็กๆ เพียงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วการจัดฟันสามารถจัดกันได้หลายช่วงวัยแต่ผลที่ได้ก็อาจจะแตกต่างกัน เพราะการจัดฟันจะเป็นวิธีในการแก้ปัญหาของฟันที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ในปัจจุบันเราจึงเห็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ารับการจัดฟันด้วยกันทั้งนั้น สำหรับการจัดฟันในแต่ละช่วงวัยนั้นแพทย์จะพิจารณาจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้

  1. ในวัยเด็ก สำหรับในวัยเด็กที่ฟันน้ำนมกำลังขึ้นจะเป็นช่วงที่ยังไม่ควรจัดฟัน แต่ควรดูแลสุขภาพของเหงือกและฟันให้แข็งแรง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วทันแพทย์จะแนะนำให้เริ่มจัดฟันในช่วงที่เริ่มมีฟันแท้เกิดขึ้นหรือเป็นฟันแท้ผสมกับฟันน้ำนม เพราะในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ขากรรไกรกำลังเจริญเติบโต การดัดฟันในช่วงนี้จะเป็นการช่วยให้ทิศทางการเจริญเติบโตของขากรรไกรเป็นไปอย่างถูกต้องและสมบูรณ์แบบ
  2. ในวัยรุ่น หรือในวัยที่ฟันแท้ขึ้นครบหมดแล้ว ในระยะนี้ก็เป็นระยะที่เหมาะสมในการจัดฟัน เพื่อแก้ไขปัญหาฟันขึ้นผิดตำแหน่งหรือฟันห่าง
  3. วัยผู้ใหญ่ หรือวัยทำงาน การจัดฟันในช่วงวัยนี้จะเป็นในลักษณะของการที่มีฟันขึ้นผิดตำแหน่ง ทันตแพทย์จะทำการถอนหรือดัดฟันเพื่อให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง

จึงพอจะสรุปได้ว่าอายุในการจัดฟันนั้นสามารถจัดกันได้ในทุกช่วงวัย ขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันที่เกิดขึ้นในแต่ละคน แต่ไม่ว่าจะเป็นอายุช่วงไหนก็แล้วแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคุณควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำความเข้าใจและหาวิธีการจัดฟันที่ถูกต้อง

4.ใครบ้างที่ควรจัดฟัน

ฟันเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย เพราะเราใช้ฟันในการขบเคี้ยวอาหารในแต่ละวัน ดังนั้นเราจึงต้องใส่ใจและดูแลฟันของเราให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากนี้แล้วฟันยังมีส่วนช่วยในเรื่องของความสวยความงาม และในเรื่องของสุขภาพต่างๆ ของเรากันด้วย ทำให้ในปัจจุบันมีผู้ที่สนใจหันมาจัดฟันให้ได้รูปกันมากขึ้น แต่หลายคนอาจจะรู้สึกสงสัยกันได้ว่าแล้วฟันแบบไหนบ้างที่ควรทำการจัดฟัน จริงๆ แล้วไม่ว่าคุณจะมีฟันแบบไหนถ้าต้องการให้ฟันเรียงตัวสวยและเป็นระเบียบคุณควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจดูลักษณะต่างๆ ของฟันว่าควรจัดหรือไม่ ถ้าคุณมีปัญหาไม่มากก็อาจจะใช้เวลาในการจัดฟันไม่นาน แต่ถ้าคุณมีปัญหาฟันไม่ได้รูปก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีในการดัดฟัน สำหรับผู้ที่ควรทำการจัดฟันหรือดัดฟันให้ได้รูปนั้นจะพอจะสรุปได้ดังนี้

 

– มีฟันยื่น เพราะนอกจากจะทำให้รูปหน้าของคุณดูไม่สมส่วนแล้ว ยังทำให้คุณมีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร

– มีฟันห่าง ควรจัดฟันให้เป็นระเบียบชิดติดกัน เพื่อช่วยในการบดเคี้ยว และป้องกันปัญหาฟันล้มที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีอายุมาก

– มีฟันซ้อนเก คือมีฟันขึ้นซ้อนกัน ลักษณะเหมือนฟันเต็มปากทำให้เสียงในการพูดไม่ชัดเจนนัก

– มีฟันสบลึก เป็นลักษณะการสบของฟันไม่เสมอกัน สาเหตุมักเกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของกระดูกเบ้าฟัน หรือขากรรไกร ในลักษณะนี้อาจจะทำให้เรามีรูปหน้าที่ไม่สมส่วน และการบดเคี้ยวอาหารไม่มีประสิทธิภาพดีพอ

– มีฟันสบเปิด จะเป็นในลักษณะเวลาสบฟันจะมีช่องว่างเกิดขึ้นระหว่างฟันหน้าบนและล่าง

– มีฟันล่างคร่อมฟันบน จะเกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของขากรรไกร

สำหรับผู้ที่รู้ตัวว่ามีลักษณะฟันดังที่กล่าวมา คุณควรพบทันตแพทย์เพื่อทำการจัดฟันให้ได้รูป ก็จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขรูปหน้าของคุณให้ดูดีขึ้น และช่วยให้คุณสามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5.การเตรียมตัวก่อนการจัดฟัน

การจัดฟันให้ได้รูปนั้นถือว่ามีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นช่วยทำให้รูปหน้าของเราดีขึ้น ช่วยในการบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้เราสามารถออกเสียงได้ดีและชัดเจนขึ้น ช่วยทำให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่สำหรับใครที่กำลังคิดจะจัดฟันนั้น อันดับแรกคุณต้องเตรียมความพร้อมต่างๆ กันให้ดีเสียก่อน เพราะบางคนอาจจะต้องใช้เวลานานในการจัดฟันถ้าฟันของคุณมีปัญหามาก ดังนั้นสำหรับวิธีการเตรียมตัวต่างๆ ก่อนการจัดฟันจะพอสรุปได้ดังนี้

1. พบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและสอบถามข้อมูลต่างๆ ของการจัดฟัน เพราะทันตแพทย์จะเป็นผู้ที่ให้คำตอบเราได้ดีที่สุด แต่ควรเลือกคลินิกหรือร้านหมอฟันที่เชื่อถือได้ และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปกันด้วย เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ สะอาด และปลอดภัย

2. ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของราคา เพราะคลินิกแต่ละทีอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และการจัดโปรโมชั่นเพื่อแข่งขันกัน

3. ดูแลรักษาสุขภาพฟันให้สะอาดและมีสุขภาพดีอยู่เสมอก่อนการจัดฟัน

4. เตรียมตัวยอมรับกับความปวดที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะถ้าฟันเรามีปัญหามากเวลาจัดในช่วงแรกเราอาจจะรู้เจ็บและเคี้ยวอาหารได้ลำบาก

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะไปจัดฟัน คุณจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมในเรื่องต่างๆ เพราะยังไงแล้วเจ้าเหล็กดัดฟันก็จะต้องอยู่กับเราไปอีกสักระยะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไม่ว่าจะเป็นก่อนจัดหรือหลังจัดคุณต้องระวังในเรื่องของความสะอาดให้มากที่สุด เมื่อเตรียมตัวต่างๆ พร้อมแล้วคราวนี้ก็ไปพบทันตแพทย์เพื่อจัดฟันกันได้เลย

6.ขั้นตอนการจัดฟัน

โดยปกติผู้ที่มีปัญหาเรื่องฟัน เช่น ฟันห่าง ฟันเก ฟันซ้อน ฟันไม่ได้รูป หรือฟันเหยิน และอื่นๆ หากต้องการจัดฟันเพื่อแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งจะต้องมีขั้นตอนการจัดฟันโดยคร่าวๆ ดังนี้

ก่อนอื่นทันตแพทย์จะตรวจลักษณะใบหน้า การสบฟัน เพื่อดูความจะสามารถทำการจัดฟันให้เข้ารูปได้หรือไม่ โดยจะมีการเอกซเรย์ฟันเพื่อดูโครงสร้างใบหน้า และขากรรไกร

ต่อมาทันตแพทย์จะทำการพิมพ์แบบจำลองฟัน เพื่อบันทึกรายละเอียด และตรวจสภาพการสบฟัน         จากนั้นทันตแพทย์จะต้องตรวจรักษาฟันก่อน เช่น หากมีหินปูนก็ต้องขูดออกก่อน หรือ ถอนฟันซี่ที่จำเป็นต้องถอน ผ่าฟันคุด อุดฟัน รักษารากฟัน รักษาโรคเหงือก และอื่นๆ ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งก่อนที่จะใส่เครื่องมือจัดฟัน เพื่อความคงทนของฟัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดฟันให้ได้ผล

ต่อมาจะเป็นการฟังคำแนะนำ ข้อควรปฏิบัติต่างๆ และตกลงเรื่องราคาค่าจัดฟันกับทันตแพทย์เมื่อตกลงจะทำก็มาถึงขั้นตอนการจัดฟันเลย

ทันตแพทย์จะใส่ยางแยกฟัน แล้วจึงติดเครื่องมือจัดฟัน หลังจากนั้นจึงใช้ยางดึงฟัน เพื่อให้ฟันได้เข้ารูปตามที่ต้องการ เมื่อทำการดัดฟันเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการปรับเครื่องมือทุกๆ เดือน เพราะฟันที่เราจัดจะมีการเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ตามการจัดฟัน หลังจากนั้นจึงทำการขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือนเพื่อเป็นการดูแลรักษาฟัน เพราะไม่อย่างนั้นหินปูนจะไปเกาะที่เครื่องมือจัดฟันได้

เมื่อใส่เครื่องมือไปได้สักพักบางคนอาจจะ 2 ปี บางคนอาจจะ 3-5 ปี แล้วแต่รูปฟันของแต่ละคน ก็มาถึงขั้นตอนการถอดเครื่องมือจัดฟัน แล้วจึงขูดหินปูน ขัดฟัน แล้วจึงทำรีเทนเนอร์เท่านี้คุณก็จะได้ฟันสวยตามที่คุณต้องการแล้วค่ะ

7.การดูแลตัวเองหลังการจัดฟัน

หลังจากทำการจัดฟันมาเรียบร้อยแล้ว การดูแลหลังการจัดฟันก็เป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่น้อย เพราะจะมีผลทำให้การจัดฟันของคุณมีประสิทธิภาพและได้ผลดียิ่งขึ้น สำหรับวิธีการดูแลตัวเองในเรื่องต่างๆ นั้นจะได้แก่

1. เรื่องของความสะอาด ในช่วงนี้ปากและฟันของคุณต้องสะอาดกันเสมอ โดยเฉพาะในระหว่างรับประทานอาหารเครื่องจัดฟันบางชนิดโดยเฉพาะในลักษณะแบบติดแน่นจะมีส่วนทำให้เศษอาหารไปติดอยู่ตามซอกต่างๆ ได้ง่าย ถ้าเราไม่ดูแลรักษาความสะอาดก็อาจจะมีผลทำให้เกิดฟันผุหรือมีอาการของเหงือกอักเสบเกิดขึ้นได้ ดังนั้นหลังการจัดฟันเราจึงควรแปลงฟันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอในทุกเช้าเย็น และหลังการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ

2. เลือกรับประทานอาหาร โดยให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีลักษณะแข็งๆ เช่น การเคี้ยวกระดูกไก่ ถั่วบางประเภท และอาหารที่มีลักษณะเหนียว เช่น หมากฝรั่ง ลูกอม เป็นต้น

3. หลีกเลี่ยงการใช้ลิ้นดุนอุปกรณ์ดัดฟันต่างๆ เพราะจะทำให้ฟันไม่ได้รูปและอาจจะต้องเสียเวลาในการดัดฟันนานขึ้นกว่าปกติ

4. ในช่วงแรกของการดัดฟันเราอาจจะรู้สึกเจ็บการรับประทานอาหารจะค่อนข้างลำบาก ดังนั้นในช่วงนี้ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ อย่างเช่น โจ๊ก หรือข้าวต้ม เมื่ออาการทุเลาลงแล้วค่อยเปลี่ยนมารับประทานอาหารประเภทข้าวสวย เพราะเมื่อฟันเริ่มเข้าที่เข้าทางอาการเจ็บหรือปวดที่บริเวณรากฟันก็จะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

จึงจัดได้ว่าการดูแลช่องปากหลังจากจัดฟันเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเราดูแลตัวเองดีก็จะมีส่วนช่วยทำให้การจัดฟันได้ผลดี และไม่ต้องยื่นระยะเวลาในการจัดฟันให้ออกไปอีก ดังนั้นสำหรับใครที่พึ่งทำการจัดฟันจึงไม่ควรละเลยในเรื่องของการดูแลตัวเองกันนะคะ