Power Bank แบตเตอรี่สำรอง เลือกซื้ออย่างไร วิธีง่ายๆมาบอก

2483

Power Bank แบตเตอรี่สำรอง เลือกซื้ออย่างไร วิธีง่ายๆมาบอก

Power Bank หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแบตเตอร์รี่สำรอง เป็นอุปกรณ์เสริมชนิดหนึ่งที่ในปัจจุบันหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะ Power Bank คือตัวช่วยในการชาร์ตแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อิเลคโทรนิคหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เครื่องเล่น mp3 เป็นต้น และในปัจจุบันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ก็มีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนทำให้ในแต่ละวันพลังงานแบตเตอร์รี่ที่เราชาร์ตกันมาเต็มที่แล้วไม่พอใช้งาน และการพกพาที่ชาร์ตไปในสถานที่ต่างๆ ก็ไม่สะดวกนัก จึงทำให้ Power Bank ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะพกพาสะดวกและมีน้ำหนักไม่มาก และถ้าคุณกำลังมองหา Power Bank สักอัน วันนี้ลองมาดูกันก่อนดีกว่าควรพิจารณาจากอะไรกันบ้าง

 วิธีการเลือก Power Bank

  1. เลือกจากขนาดความจุของอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ เช่น มือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็ปเล็ตของเราว่าใช้กี่แอมพ์
  1. ดูลักษณะการใช้งานในชีวิตประจำวัน ถ้าคุณต้องรับส่งข้อมูลต่างๆ ตลอดเวลาก็ควรเลือกแบบที่มีความจุมากหน่อย เพื่อให้สามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่พลาดข่าวสารหรือการติดต่อ
  1. ดูข้อมูลและศึกษารายละเอียดของแต่ละยี่ห้อ แต่ละแบบ เพื่อเป็นตัวช่วยในการพิจารณาเลือกซื้อ เพราะปัจจุบันมี Power Bank ออกมาจำหน่ายเป็นจำนวนมากและหลากหลายยี่ห้อ และมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
  1. ควรเลือกใช้ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปหรือแบบที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้สถานที่จำหน่ายก็ต้องเชื่อถือได้ด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้คุณมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ ถึงแม้จะมีราคาค่อนข้างแพงก็ตาม เพราะ Power Bank ที่มีราคาถูก โดยมากแล้วจะเก็บประจุไฟในแบตเตอรี่ไม่ดี และมีการคายประจุเร็ว ถึงแม้เราจะชาร์จจนเต็ม 100% แล้วก็ตาม เวลานำมาใช้จะเหลือไฟน้อยมากหรือใกล้หมด
  1. ชนิดของแบตเตอรี่ที่ใช้ใน Power Bank ที่มีคุณภาพดีส่วนใหญ่จะเป็น Lithium Ion หรือ Lithium Polymer ซึ่งทั้งสองแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน เวลาเลือกซื้อสามารถอ่านรายละเอียดที่ระบุในตัวบรรจุภัณฑ์ก่อนได้ สำหรับความแตกต่างของแบตเตอร์รี่ทั้งสองชนิดนี้จะพอสรุปได้คือ แบบ Lithium Ion จะมีความหนากว่า และให้พลังงานสูงกว่า ส่วนแบบ Lithium Polymer จะมีความเบาบางกว่า แต่ก็มีพลังงานน้อยกว่าด้วยเช่นกัน
  1. ใบรับประกันหลังการขาย อันนี้ถือว่าสำคัญโดยเฉพาะถ้าเราเลือกซื้อ Power Bank ที่มีราคาแพงควรถามถึงใบรับประกันด้วยทุกครั้ง ซึ่งบางยี่ห้อก็มีใบรับประกันถึง 2 ปี และยังรวมถึงรับประกันแบตเตอร์รี่ภายในให้อีกด้วย 

วิธีดูแลรักษาและยืดอายุการใช้งาน

อายุการใช้งานของ Power Bank จะแตกต่างกัน โดยจะมีอายุการใช้งานประมาณ 10 เดือน ถึง 2 ปี เป็นการคำนวณจากการใช้งานวันละ 1 รอบ ดังนั้นถ้าซื้อมาแล้วทุกคนก็คงอยากเก็บไว้ใช้กันนานๆ โดยเฉพาะถ้าใครเลือกซื้อแบบที่มีราคาแพง แต่จะอยู่ได้นานหรือไม่นั้นการดูแลรักษาจัดได้ว่ามีส่วนสำคัญ ซึ่งคุณสามารถดูแลรักษา Power Bank ได้ดังนี้

  1. ขณะชาร์ตไฟด้วย Power Bank ควรชาร์ตอุปกรณ์จนแบตเตอร์รี่เต็มเสียก่อน จึงค่อยนำอุปกรณ์กลับมาใช้งาน หลายคนมักจะชาร์ตไปด้วยพร้อมกับเล่นไปด้วย ซึ่งการทำในลักษณะนี้จะทำให้ Power Bank เสื่อมเร็วขึ้นกว่าเดิม
  1. ทุกครั้งที่ใช้ Power Bank ชาร์ตไฟไม่ควรชาร์ตจนไฟหมด แต่ควรเหลือไว้สักประมาณ 30% เพราะทุกครั้งที่ต้องสร้างบรรจุไฟใหม่จะต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ Power Bank เสื่อมไวกว่าปกติ
  1. ควรเก็บ Power Bank ไว้ในที่แห้ง และไม่ควรให้เปียกน้ำหรือของเหลว เพราะจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
  1. ระวังอย่าทำตก เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในค่อนข้างบอบบาง การตกจากที่สูงจะทำให้ชิ้นส่วนแตกหรือชำรุดเสียหายได้
  1. อย่าวาง Power Bank ใกล้กับอุปกรณ์ที่มีความร้อน เช่น ไมโครเวฟ เตาไฟ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ปล่อยความร้อนออกจากตัว เพราะจะทำให้อุปกรณ์ภายใน Power Bank เสื่อมไวกว่าปกติได้
  2. Power Bank บางยี่ห้อจะไม่มีระบบระบายความร้อนในตัว จึงไม่ควรใช้เป็นระยะเวลานาน ถ้ารู้สึกว่าตัวเครื่องเริ่มจะร้อนควรหยุดพักการใช้เป็นระยะ ก็จะสามารถยืดอายุการใช้งาน Power Bank ได้มากขึ้น

ปัจจุบันมีผู้ผลิต Power Bank ออกมาจำหน่ายกันอย่างมากมายหลากหลายยี่ห้อและหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นถ้าอยากได้ Power Bank ที่มีคุณภาพดีและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเราจึงควรพิถีพิถันในการเลือกซื้อ อย่ามองแค่ความสวยหรือราคาถูกเพียงเท่านั้น แต่ควรดูไปถึงมาตรฐานการผลิตและความน่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้นานและปลอดภัยในขณะกำลังใช้