หลอดไฟ LED คืออะไร ควรใช้หรือไม่เรามีรายละเอียดแนะนำ

2568

หลอดไฟ LED คืออะไร ควรใช้หรือไม่เรามีรายละเอียดแนะนำ

ถ้าพูดถึงหลอดไฟ LED หลายคนคงได้ยินกันมาบ้าง เพราะในปัจจุบันมีหลายสถานที่หันมาใช้หลอดไฟ LED กันมากขึ้น แต่คุณอาจจะยังไม่ทราบดีอย่างไรและมีเหตุผลอะไรที่ควรเลือกใช้ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน

หลอดไฟ LED คือ

หลอดไฟ LED มีชื่อเต็มๆ ว่า Light  emiiting diodes เป็นสารกึ่งตัวนำไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านได้และปล่อยแสงสว่างออกมา สำหรับหลอดไฟ LED ที่เรามักเห็นกันบ่อยๆ จะเป็นหลอดที่มีขนาดเล็กและมีหลายสีไม่ว่าจะเป็น สีน้ำเงิน หรือสีแดง เป็นต้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาโดยการนำหลอด LED สีน้ำเงินเคลือบสารเรืองแสงสีเหลือง ผลที่ได้ทำให้หลอด LED ส่องแสงเป็นสีขาว จึงมีการนำมาใช้เป็นหลอดไฟเพื่อส่องสว่างกันมากยิ่งขึ้น

ประเภทต่างๆ ของหลอดไฟ LED

หลอดไฟ LED มีการนำมาใช้ประโยชน์หลากหลายรูปแบบ เช่น หลอดไฟรถยนต์ หลอดไฟโทรศัพท์มือถือ ป้ายไฟ หลอดไฟฉาย หน้าจอทีวี จอคอมพิวเตอร์ และหลอดไฟสำหรับใช้ภายในบ้าน เป็นต้น ซึ่งหลอดไฟที่ใช้ภายในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ หลอดไฟ LED สำหรับในอาคาร, หลอดไฟ LED สำหรับภายนอกอาคาร และหลอดไฟ LED สำหรับการตกแต่ง

 


ข้อดีและข้อเสียของหลอดไฟ 
LED

สำหรับข้อดี-ข้อเสียจะสามารถสรุปได้ดังนี้

ข้อดี

– LED เป็นหลอดที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าหลอดทั่วไป เพราะใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหลอดไส้ทั่วไปถึง 80-90%

– ให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไฟทั่วไป

– มีอายุการใช้งานยาวนานหรือสูงสุดประมาณ 1 แสนชั่วโมง ถ้าคิดเป็นจำนวนปีก็จะประมาณ 11 ปี สำหรับหลอดไฟทั่วไปที่เราใช้กันอยู่ถ้าเป็นหลอดฟลูออเรสเซ็นต์จะอายุการใช้งานประมาณ 3 หมื่นชั่วโมง หรือถ้าเป็นหลอดไฟฟ้าแบบขดลวดก็จะมีอายุการใช้งานประมาณ 1,000 – 2,000 ชั่วโมง ซึ่งถือได้ว่าหลอดไฟ LED มีอายุการใช้งานที่มากกว่าหลายเท่า

– ทนทาน เพราะส่วนประกอบของหลอดไม่ได้ผลิตมาจากกระจกเหมือนหลอดทั่วไป และภายในก็ไม่มีไส้หลอดที่ขาดได้ง่ายเหมือนหลอดไส้

– ให้แสงสว่างในทันทีที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน และหลอดยังไม่เกิดการกระพริบกันอีกด้วย

– ช่วยลดปัญหาโลกร้อนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะไม่ได้ใช้สารปรอทเป็นส่วนประกอบในขั้นตอนการผลิต

– ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง เพราะสามารถติดตั้งได้ง่ายกว่าหลอดไฟประเภทอื่นที่ต้องมีอุปกรณ์หลายอย่าง ดังนั้นถ้าเราเปรียบเทียบราคาของหลอดไฟ LED ที่สูงกว่าแต่ทนทานกว่าและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า กับค่าอุปกรณ์ในการติดตั้งหลอดไฟประเภทอื่นก็จะพบว่าต้นทุนหลอดไฟ LED ต่ำกว่า

ข้อเสีย

– ปัจจุบันยังมีราคาค่อนข้างแพงกว่าหลอดทั่วไป ถ้าไม่ค่อยได้เปิดใช้ก็จะไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

วิธีการเลือกซื้อหลอดไฟ LED

พิจารณาจากข้อดีข้อเสียกันแล้วก็จะพบได้ว่าข้อเสียมีไม่มาก และถ้าคุณรับได้ในเรื่องของราคาและกำลังสนใจเลือกซื้อมาใช้ในบ้านกันอยู่ ลองมาดูวิธีการเลือกกันต่อดีกว่าควรพิจารณาในเรื่องใดบ้าง

  1. ตรวจสอบประเภทการใช้งาน ดังที่กล่าวมาแล้วในขั้นต้น โดยเลือกดูจากวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นหลัก
  2. ตรวจดูบริเวณขั้วหลอดว่าเป็นขั้วแบบเดิมที่ใช้กันภายในบ้านหรือไม่ เพราะจะช่วยทำให้เราสามารถมาสวมได้ทันทีเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนหลอดไฟ
  3. ทำตรวจสอบการหลอดทุกครั้งก่อนเลือกซื้อว่าแสงที่ได้ตรงกับความต้องการหรือไม่ และสามารถเปิด-ปิดได้อย่างไม่มีปัญหา
  4. บริเวณกล่องหรือที่บรรจุผลิตภัณฑ์มีสัญลักษณ์ว่าหลอดไฟ LED ที่คุณกำลังจะซื้อผลิตได้มาตรฐานอย่างเช่น ตรา มอก. เป็นต้น
  5. ตรวจดูเงื่อนไขและบริการต่างๆ ที่จะได้รับหลังการขาย เพราะหลอดมีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นมีใบรับประกันถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร
  6. เปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ที่ แต่ถ้าหลอดมีราคาถูกกว่ากันมากไปก็ให้ตรวจสอบองค์ประกอบต่างๆ ของหลอดไฟ LED ดังที่กล่าวมา เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้หลอดได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา เพราะบางครั้งของที่มีราคาถูกมากอาจจะเกิดจากการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน
  7. เลือกซื้อยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักและยอมรับของคนทั่วไป รวมทั้งควรเลือกซื้อจากแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เพราะจะทำให้คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการใช้งาน

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะรู้สึกว่าหลอด LED เป็นหลอดไฟที่น่าใช้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว และในอนาคตยังมีแนวโน้มว่าอุปกรณ์ที่ต้องส่องสว่างเกือบทุกประเภทจะผลิตโดยการใช้ LED เป็นส่วนประกอบ ใครที่กำลังตัดสินใจเลือกใช้หลอดไฟ LED กันอยู่เมื่ออ่านบทความนี้แล้วคงเป็นตัวช่วยในการพิจาณาให้คุณได้เป็นอย่างดี ถ้าให้กล่าวสรุปกันจริงๆ ก็คือ ถึงจะมีราคาแพงแต่ถ้าเทียบกับปัจจัยอื่นๆ การเลือกใช้หลอดไฟ LED ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไป